"ยุคกลาง"
- maytakatess
- Jul 5, 2019
- 1 min read
Updated: Jul 6, 2019
บทความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ "บริบทของยุคกลาง" ผ่านผลงานศิลปะของ "Pieter Bruegel"

เมื่อจักรวรรดิในโรมันเสื่อมลง สถาบันคริสต์ศาสนาก็มีบทบาทหน้าที่มากขึ้น ทั้งในทางจิตวิญญาณ สภาพสังคมเศรษฐกิจ การศึกษา หรือแม้แต่การเมือง และคริสต์ศาสนายังถูกประกาศให้เป็นศาสนาประจำอาณาจักรในเวลาต่อมา
สงคราม การต่อต้านในการขยายอำนาจ หรือปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ ล้วนได้คริสต์ศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เนื่องจากสภาพสังคมในช่วงนั้นวุ่นวายเป็นอย่างมาก การปกครองยุโรปโดยคริสต์ศาสนาจึงมีอำนาจสูงสุด ทั้งทางธรรมและทางโลก ซึ่งผู้ใดเห็นต่างจากคริสตจักร จะถูกจับกุม ไตสวน หรือถูกลงโทษอย่างหนัก ที่เรียกว่า “บัพพาชนียกรรม” คือการลงโทษทางศาสนา โดยไม่สามารถติดต่อสื่อสาร
หรือทำกิจกรรมทางศาสนาโดยเด็จขาด ผู้คนสวนมาก จึงมีสิทธิ์มีเสียงในการออกความเห็นน้อยมาก รวมทั้งประชาชนส่วนมาก ก็ไม่ได้รับการศึกษา
คริสต์ศาสนามีอำนาจปกคุมไปทั้งยุโรป รวมไปถึงในเรื่องของการปกครองประชาชน การคุมอำนาจทางการเงินและการเมือง ศาสนจักรในยุคนั้นสามารถเรียกเก็บภาษีจากประชาชน และเก็บเงินบำรุงศาสนาได้ในอัตราที่สูงมาก และยังครอบครองที่ดินจำนวนมาก ซึ่งที่ดินดังกล่าวยกให้กับกษัตริย์ปกครอง โดยใช้ระบบฟิวดัล หรือระบบศักดินาสวามิภักดิ์ ซึ่งกษัตริย์เป็นเจ้าของ และมอบให้ขุนนางปกครองตามเมืองต่างๆ ภาษีที่เก็บได้ ก็มีทั้งเงินตรา และอาหารที่ได้จากชาวนาซึ่งอยู่ใต้การปกครอง
ของขุนนางเป็นผู้อุปถัมภ์ ซึ่งการปกครองเช่นนี้ทำให้ขุนนางมีอำนาจมากพอที่จะใช้ในการต่อลองกับกษัตริย์ได้ในเวลาต่อมา
ในยุคสมัยนั้น ยังได้เกิดความขัดแย้งทางศาสนา มีการปล้น ยึดสินค้าต่างๆ จากกลุ่มพื้นเมืองอาหรับ ทำให้การค้าทางเรือหยุดฉะงักลง การเดินเรือในเส้นทางสายไหมจำเป็นต้องหาเส้นทางใหม่ในการค้าขายและล่าอาณานิคม รวมทั้งเป็นการเผยแพร่คริสต์ศาสนา นอกจากนี้ยังเกิดความขัดแย้งทางศาสนาระหว่าง ศาสนาคริสต์กับมุสลิม คือสงครามครูเสด ที่เกิดขึ้นเป็นเวลาหลายครั้งนานถึง 250ปีในช่วง ค.ศ.1096 โดยประมาณ สาเหตุหลักเกิดจากการต่อต้านการขยายอำนาจของชาวมุสลิมในยุโรป
มีการฆ่านักบวชจำนวนมาก จึงเกิดการรวมตัวกันของชาวคริสต์เพื่อไปรบกับมุสลิม

อิทธิพลของคริสต์ศาสนา อารยะธรรม
สภาพสังคม หรือความขัดแย้งระหว่างศาสนา เป็นปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของยุคกลางอย่างมาก ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์มากมาย ได้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบใน
รูปแบบต่างๆ ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าผลกระทบใน
ยุคกลางส่งผลในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ต่อยุโรป และประวัติศาสตร์โลกอย่างมาก
ซึ่งมีทั้งผลดีและผลเสีย อาทิเช่น อิทธิพลของคริสต์ศาสนาที่มีบทบาทหน้าที่มากที่สุด
ในสมัยนั้น มีการกดขี่ชาวบ้าน เอารัดเอาเปรียบชาวนาและชนชั้นล่าง เห็นได้ชัดจากการแต่งตั้งกษัตริย์ ก็ได้รับการแต่งตั้งจากพระสันตะปาปาแห่งศาสนจักร ซึ่งมีอำนาจสูงสุด ซึ่งในยุคสมัยดังกล่าว
อาจจะเป็นเรื่องดี ที่ประชาชนต่างนับถือคริสต์ศาสนา และไม่กล้าที่จะขัดขืนหรือแตกต่างจากความเห็นของศาสนจักร และประเทศชาติกำลังวุ่นวายคริสต์ศาสนาจึงเป็นเช่นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน
เพียงแต่ข้าพเจ้าคิดว่า การมีอำนาจของคริสต์ศาสนาจะทำให้ประชาชนไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็น
หรือไม่ได้รับสิทธิเสรีภาพมากพอ รวมถึงการขาดความคิดสร้างสรรค์ และทำให้ชนชั้นล่างโง่เขลาเบาปัญญา ส่วนผู้ที่ได้มีความรู้ อย่างกษัตริย์ ขุนนาง หรือชนชั้นสูง ที่ได้รับการศึกษานั้น ก็หันไปสนใจ
แต่การมีอำนาจ การล่าอาณานิคม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ในยุคสมัยที่ผู้คนมีการศึกษา แต่กลับไม่ได้ใช้ในทางที่เป็นประโยชน์มากนัก เช่นขุนนางที่ปกครองเมือง ก็มีความคิดที่ต้องการเป็นใหญ่ จึงกล้าที่จะต่อลองกับกษัตริย์ของตน ด้วยผลประโยชน์ทางการเมือง โดยใช้ชาวนาหรือผู้ใต้อุปถัมภ์ของตนเป็นเครื่องมือในการต่อลอง หรือการเรียกร้องภาษี นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของผู้มีการศึกษา และยังสะท้อนให้เห็นว่า ความต้องการอำนาจอยู่เหนือความซื่อสัตย์จงรักภัคดี แต่ในเหตุการณ์เช่นนี้
ก็เป็นเรื่องดี ที่ทำให้ระบบฟิวดัล ได้ถูกยกเลิกในภายหลังเช่นกัน อีกกลุ่มหนึ่งคือผู้ที่ได้รับการศึกษา
แต่ขาดสติในการดำรงชีวิต เชื่อในคำทำนายของหมอดูแม่มด ซึ่งถูกแสดงผ่านภาพจิตรกรรมของ
Pieter Bruegel ที่สะท้อนวิถีชีวิตของประชาชนในสมัยนั้น
มิใช้ว่าความต้องการอำนาจ ในสมัยยุคกลางจะเป็นผลเสียเสมอไป ส่วนตัวข้าพเจ้าคิดว่า การต้องการที่จะยิ่งใหญ่ของประชาชน และความมีอำนาจของคริสต์ศาสนานั้น ก็มีผลดีอยู่ไม่น้อย จากความต้องการของผู้คนที่ได้รับการศึกษา รวมกับพละกำลังของชนชั้นล่าง ออกล่าอาณานิคมในยุโรป และนอกยุโรป
เมธาวี เทศนะ
Comments